การรับรู้ความเสี่ยงและการดื้อยาปฏิชีวนะ: จากความรู้สู่การปฏิบัติ

การดื้อยาปฏิชีวนะ (AMR) เป็นภัยคุกคามสุขภาพที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งในยุคสมัยนี้ เมื่อจุลินทรีย์ดื้อยาเพิ่มมากขึ้น เราอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการรักษาการติดเชื้อทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าปัญหาจะชัดเจน แต่ก็ต้องใช้วิธีการใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษา

การศึกษาแบบตัดขวางล่าสุดที่ทำกับนักศึกษาเภสัชศาสตร์ 4,265 คนจาก 7 ประเทศในตะวันออกกลาง (อียิปต์ จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย เลบานอน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และคูเวต) ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความเข้าใจของเภสัชกรในอนาคตเกี่ยวกับปัญหาของการดื้อยาปฏิชีวนะ ผลการศึกษาได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Medicine

---

การส่งเสริมความรู้

ระดับความรู้เฉลี่ยของนักศึกษาอยู่ที่ 71.4% (5 จาก 7 คะแนน) โดยนักศึกษาปริญญาตรีปีที่ 4 และปีที่ 5 สาขาเภสัชศาสตร์มีคะแนนสูงสุด ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาอย่างเป็นทางการและการฝึกปฏิบัติจริง

เภสัชกรมีบทบาทสำคัญในการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผลโดยการให้ความรู้แก่ผู้ป่วย ป้องกันการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างผิดวิธี และรับรองการจ่ายยาอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความรู้ในระดับที่ค่อนข้างสูง แต่การศึกษายังพบช่องว่างที่สำคัญในการนำความรู้ดังกล่าวไปใช้ในทางปฏิบัติ

---

ทัศนคติและพฤติกรรม

นักเรียนมากกว่า 89% ตระหนักถึงภัยคุกคามจากการดื้อยาปฏิชีวนะ และมากกว่า 93% เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง นักเรียนจำนวนมากยังแสดงการสนับสนุนการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเข้มงวดในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม

อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติจริงมีความคลาดเคลื่อน โดยผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 51.7 ยอมรับว่าใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาไข้ ซึ่งมักไม่เหมาะสม สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการริเริ่มการศึกษาเฉพาะกลุ่มที่จะช่วยเปลี่ยนความรู้เชิงทฤษฎีให้กลายเป็นนิสัยประจำวัน

---

บทบาทของการรับรู้ความเสี่ยง

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งคือการรับรู้ความเสี่ยง นักเรียนหลายคนอาจประเมินผลส่วนบุคคลจากการใช้ยาปฏิชีวนะในทางที่ผิดต่ำเกินไป ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมเช่นการใช้ยาเอง การนำแนวคิดการรับรู้ความเสี่ยงมาใช้ในโครงการการศึกษาสามารถปรับปรุงสถานการณ์นี้ได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น สถานการณ์สมมติ กรณีศึกษา และการสร้างภาพแนวโน้มการดื้อยาปฏิชีวนะสามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงความเสี่ยงต่อตนเองและผู้ป่วยได้

---

ความแตกต่างตามภูมิภาค

ผลการศึกษาเน้นย้ำถึงอิทธิพลของบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมท้องถิ่นและระบบสุขภาพที่มีผลต่อการใช้ยาปฏิชีวนะ ตัวอย่างเช่น ในอียิปต์ นักเรียนทำคะแนนได้สูงที่สุดในด้านความรู้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเน้นย้ำเรื่องยาปฏิชีวนะในหลักสูตร ในประเทศที่มีกฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการขายยาปฏิชีวนะ อัตราการใช้ยาด้วยตนเองในหมู่นักเรียนจะต่ำกว่า ซึ่งยืนยันถึงความสำคัญของนโยบายในการกำหนดพฤติกรรม

---

เรียกร้องให้ดำเนินการ

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเภสัชกรในอนาคตมีฐานความรู้ที่ดี แต่ยังมีช่องว่างในการปฏิบัติที่ต้องได้รับการแก้ไข จำเป็นต้องมีการลงทุนด้านการศึกษาที่เน้นการนำความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติและการมีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบ

การฝึกอบรมเภสัชกรรุ่นต่อไปเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะการดื้อยาปฏิชีวนะ คำถามคือ เราได้ทำการฝึกอบรมพวกเขาเพียงพอหรือไม่ คำตอบของคำถามนี้จะกำหนดความสำเร็จในการต่อสู้ของเราและสุขภาพของคนรุ่นต่อไป