นักวิทยาศาสตร์ได้ก้าวหน้าในการยืดอายุขัย

ดร. ไบรอัน เคนเนดี หัวหน้าสถาบัน Buck Institute for Research on Aging ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นแห่งเดียวในโลกที่มีสถาบันประเภทนี้ กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้วในแวดวงการแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยยืดอายุของผู้คนออกไปได้นานหลายสิบปี

ในการประชุมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กซึ่งจัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ในด้านอายุยืน ศาสตราจารย์เคนเนดี้กล่าวว่านักวิทยาศาสตร์ในสถาบันของเขาสามารถค้นพบสิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายแก่ชราได้จริง ๆ นั่นคือความเครียดอย่างต่อเนื่องและแคลอรี่ส่วนเกิน นักวิทยาศาสตร์ได้พูดคุยกันถึงอันตรายของความเครียดมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อการแก่ชรา และการค้นพบนี้บ่งชี้ว่าการลดน้ำหนักสามารถฟื้นฟูร่างกายได้หรือไม่

กลุ่มวิจัยของเคนเนดี้ได้ศึกษาสาเหตุของการแก่ของเซลล์มาเป็นเวลา 20 ปี และเกี่ยวกับน้ำหนักส่วนเกิน นักวิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ดังนี้: เมื่อบริโภคอาหารแคลอรีสูงในปริมาณมาก ความเสี่ยงของการอักเสบในไขมันสะสมจะเพิ่มขึ้น (ผู้ชายมีโอกาสเกิดกระบวนการอักเสบมากกว่าผู้หญิง) จากการทดลองกับสัตว์ฟันแทะ พบว่าน้ำหนักส่วนเกินเร่งกระบวนการแก่และทำให้สัตว์มีอายุสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ในมนุษย์ สิ่งต่างๆ ไม่เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น ในผู้หญิง ฮอร์โมนที่เรียกว่าเอสโตรเจนช่วยป้องกันการอักเสบ (แม้ว่าจะมีน้ำหนักส่วนเกิน) แต่หลังจากหมดประจำเดือน ผู้หญิงและผู้ชายจะอยู่ในตำแหน่งที่เท่ากัน และความเสี่ยงของการอักเสบในผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

นอกจากนี้ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ตระหนักแล้วว่ากระบวนการอักเสบเรื้อรังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการแก่ก่อนวัย

เพื่อนร่วมงานของดร. เคนเนดี ซึ่งนำโดยวัลเตอร์ ลองโก จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ได้สังเกตการรับประทานอาหารและความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้คน จากผลการศึกษาพบว่า การมีโปรตีนจากสัตว์และผลิตภัณฑ์นมในปริมาณมากในเมนูจะช่วยลดอายุขัยได้อย่างมาก แต่การรับประทานอาหารดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีเท่านั้น ในวัยชรา ผู้ที่บริโภคโปรตีนมากขึ้น (ประมาณ 20%) จะมีสุขภาพดีกว่า

จากข้อมูลดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า ก่อนที่จะพูดถึงการกินเพื่อสุขภาพหรือน้ำหนักปกติ เราควรใส่ใจกับอายุของบุคคลนั้นๆ ก่อน นักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่ายิ่งบุคคลนั้นมีอายุมากขึ้น น้ำหนักส่วนเกินก็จะยิ่งไม่เป็นอันตรายต่อบุคคลนั้น ในทางตรงกันข้าม สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปี น้ำหนักส่วนเกินจะทำหน้าที่เป็นการป้องกันเพิ่มเติมอย่างหนึ่ง

ดร. เคนเนดี้สังเกตว่าในระหว่างมื้ออาหาร โปรตีน mTOR จะถูกกระตุ้นในร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ และจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตที่กำลังเติบโต แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เมื่อร่างกายเริ่ม "เสื่อมสภาพ" สิ่งสำคัญคือการล้างเซลล์ (ความเสียหายที่สะสมอาจทำให้เกิดมะเร็งเบาหวาน และโรคร้ายแรงอื่นๆ) นักวิทยาศาสตร์พบว่าการขาดสารอาหารจะกระตุ้นให้เกิด "โหมดต้านทานความเครียด" ในร่างกาย ซึ่งจะหยุดกระบวนการชราภาพและการทำลายเซลล์

การทดลองกับสัตว์แสดงให้เห็นว่าการลดการทำงานของโปรตีน mTOR จะช่วยยืดอายุได้ถึง 25% (โดยเฉลี่ย 10-25 ปีสำหรับมนุษย์)

ยาแรพามัยซิน (ยากดภูมิคุ้มกันทั่วไปที่ใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะ) เมตฟอร์มิน และอะคาร์โบส (ยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน) ช่วยยับยั้งการทำงานของโปรตีน mTOR

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนายาต้านวัยโดยอาศัยตัวยาที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ การทดลองเมตฟอร์มินซึ่งเป็นยาป้องกันมะเร็งได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งไม่ได้ผลในการยืดอายุเท่ากับแอสคาร์โบสหรือแรพามัยซิน แต่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์มากกว่ายาอื่นๆ การใช้ยาเหล่านี้เพียงลำพังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตได้ จนกว่าจะได้รับผลการทดลองทางคลินิกขั้นสุดท้าย แต่สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพและยืดอายุ ศาสตราจารย์เคนเนดี้แนะนำให้ยึดมั่นกับการรับประทานอาหารแคลอรีต่ำหรืออาหารยอดนิยมล่าสุดที่เรียกว่า 5/2 ซึ่งคุณสามารถกินได้เกือบทุกอย่าง 5 ครั้งต่อสัปดาห์ (อย่าใช้ของที่ไม่ดีต่อสุขภาพมากเกินไป เช่น ผลิตภัณฑ์รมควัน แฮมเบอร์เกอร์ ฯลฯ) และรับประทานอาหารแคลอรีต่ำเป็นเวลา 2 วัน

[ 1 ], [ 2 ]